10 วิธีประหยัดที่เหมาะกับคนชอบช้อป
1 พยายามจ่ายบิลต่างๆ
ทางเครื่อง ATM บิลบางประเภทถ้าเราจ่ายหน้าเคาน์เตอร์ธนาคารหรือร้านสะดวกซื้อ
จะคิดค่าบริการประมาณ 15 บาท แต่ถ้าจ่ายกับตู้ ATM จะเสียแค่ 10 บาทเท่านั้น
หรือบางประเภทก็ไม่ต้องเสียค่าบริการเลย แล้วไหนจะค่ารถที่ประหยัดไปได้อีก
รวมๆแล้วหลายบาทอยู่
2 ซื้อของจากร้านโชว์ห่วยข้างบ้าน
ถึงจะไม่เก๋เท่าไร แต่ข้อดีของร้านโชว์ห่วยก็คือเราสามารถซื้อทีละน้อยๆได้
อย่างเช่น มะนาวลูกเดียว พริก 10 บาท ไข่ 2 ฟอง แถมยังต่อราคาหรือมั่วนิ่มขอของแถมได้อีกด้วย ซึ้งถ้าไปซื้อในซูเปอร์มาร์เก็ตที่เขาแพกไว้ทีละมากๆ
คุณจะต้องจ่ายเป็นเงินก้อนโต ทั้งๆที่อาจจะใช้ไม่หมด
ที่สำคัญกับข้าวที่ร้านโชว์ห่วยสดกว่าในซูเปอร์มาร์เก็ตเพราะทางร้านจะซื้อมาแค่พอขายในแต่ละวันเท่านั้น
3 ใช้บัตรใบเดียว
คนที่รักสบายนิยมพกบัตรเครดิตมากกว่าเงินสด ควรจะจ่ายทุกอย่างด้วยบัตรใบเดียวเพื่อที่วงเงินในบัตรจะเป็นตัวกำหนดไม่ให้คุณซื้อมากเกินไป
ถ้าใช้บัตรหลายใบคุณอาจจะช้อปกระจายจนลืมตัว เพราะรูดกี่ใบๆ
บัตรก็ไม่เต็มวงเงินสักที
4 จ่ายหนี้บัตรเครดิตให้หมด
คนเราส่วนใหญ่จะจ่ายทีละบิลเช่น หนี้ 2 หมื่นก็จ่ายแค่ 5 พัน
อาจจะดูง่ายสบายกระเป๋าแต่อย่าลืมคิดไปสิว่าหนี้ที่เหลือมีดอกเบี้ยเพิ่มมาอีกเท่าไร
ถ้าจ่ายหมดในครั้งเดียวคุณจะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเลยสักบาท
เท่ากับการป้องกันไม่ให้เงินรั่วออกไปโดยไม่จำเป็น
5 กาเครื่องหมายบนปฏิทิน
ปฏิทินไม่ได้มีไว้เพื่อจ้องหาวันหยุดอย่างเดียว แต่มันช่วยประหยัดเงินให้เราด้วย
เวลาเช่าซีดี หรือเช่าหนังสือ
อย่าลืมกาเครื่องหมายตัวโตๆไว้บนปฏิทินว่าต้องคืนวันไหน แล้วส่งคืนตามกำหนด
ถ้าคุณเป็นคอหนังที่ชอบยืมทีละหลายๆเรื่อง
ค่าปรับที่ต้องจ่ายแต่ละครั้งอาจทำเอาหน้ามืดได้เหมือนกัน
6 ทวงเงินภาษี จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าภาษีที่เราหัก
ณ. ที่จ่ายไป สามารถทวงคืนได้ พอถึงสิ้นปี
แค่เรารวบรวมใบเสร็จการเสียภาษีไปยื่นที่กรมสรรพากร
หรือสแกนภาพรวมแล้วส่งไปทางอีเมล์ อีก 2 -3 เดือน ทางกรมสรรพากรเขาก็จะคืนเงินมาให้คุณเอง
7
มื้อกลางวันให้เพื่อนจ่าย เวลาไปกินข้าวกับเพื่อน ใช้วิธียืมเงินเพื่อนจ่ายไปก่อน
พอกลับถึงที่ทำงานค่อยควักเงินจากกระเป๋ามาจ่ายคืน
คุณจะได้ไม่มีเงินช้อปปิ้งของกระจุกกระจิกระหว่างทาง
8 ใช้เหรียญก่อน
พยายามใช้เหรียญให้หมดก่อน ถึงจะต้องเสียเวลานับนานหน่อย แต่ไม่ต้องเกรงใจแม่ค้าเพราะเขาต้องการเหรียญอยู่แล้ว
การค่อยๆนับนี้ละ จะทำให้คุณมีสติในการใช้จ่าย รู้ว่าตัวเองจ่ายไปกี่บาทแล้ว
9 ต่อราคาเสมอ
ต่อได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น แต่อย่าอายที่จะถามว่า “ช่วยลดให้หน่อยได้ไหม” ถ้าแม่ค้า
5 คนลดให้คุณคนละสิบบาท วันนั้นคุณก็ประหยัดไปได้ 50 บาทแล้ว
10 เป็นสมาชิก ร้านขนม
ร้านอาหาร เครื่องสำอาง ฟิตเนส ฯลฯ เดี๋ยวนี้แทบทุกแห่งจะมีส่วนลด 10% ให้สมาชิก ที่ไหนสมัครได้ฟรีก็ลุยไปเลย แต่ถ้าทางร้านเค้ากำหนดให้ต้องจ่ายเงินค่าสมาชิก
อย่าลืมบวกลบคูณหารด้วยนะ ว่าปีหนึ่งๆคุณซื้อที่ร้านนั้นกี่ครั้ง
แล้วส่วนลดมันคุ้มค่ากับค่าสมาชิกหรือเปล่า